[รีวิวภาพยนตร์] MIDNIGHT RUNNERS เมื่อระบบกลายเป็นปัญหาในการเข้าถึงความปลอดภัยของประชาชน


MIDNIGHT RUNNERS เมื่อนักเรียนคู่หูจากสถาบันตำรวจตกกระไดพลอยโจร จากการเที่ยวเล่นธรรมดากลับต้องมาเป็นพยานเพียงสองคนที่รู้เรื่องการลักพาตัวหญิงสาวที่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาที่ใจกลางกังนัม ที่พาพวกเขาไปสู่การค้ามนุษย์ที่เลวร้ายจนคาดไม่ถึง


เรื่องเล่าผ่านเลนส์ของนักเรียนสถาบันตำรวจสองคนที่มีบุคลิกต่างกันสุดขั้ว แต่ก็เป็นเพื่อนสนิทกันอย่าง คังฮียอล นักเรียนหัวดีที่เข้าโรงเรียนตำรวจแทน KAIST (สถาบันกด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) เพราะอยากแตกต่างจากเพื่อนในวงสังคมกับพัคกีจุนที่ไม่ได้เรียนเก่ง แต่พละกำลังด้านร่างกายก็ไม่แพ้ใคร ที่เข้าโรงเรียนตำรวจด้วยเหตุผลเรื่องค่าเล่าเรียน ในตอนเริ่มต้นหนังค่อย ๆ พาเราไปเรียนรู้กับสถาบันตำรวจราวกับว่าเป็นการทัศนศึกษาขนาดเล็กที่มีไกด์เป็นนักเรียนสองคนที่ดูจะไม่ได้รู้อะไรมากกับวงการนี้ ดูไม่ได้อยากเป็นตำรวจด้วยซ้ำในตอนแรก นอกจากนั้นแล้ว ระหว่างที่ผ่านทัศนศึกษาก็ยังแวะติเตียนจุดตรงนั้นตรงนี้ของสถาบันไปด้วย


เพราะยังเป็นเด็กวัยรุ่นก็อยากออกมาโลดแล่นหาแสงสีบ้าง แต่นั่นกลับกลายเป็นจุดพลิกผันครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อพวกเขาไปพบเจอการลักพาตัวหญิงสาวใจกลางกังนัมขึ้น ในจุดนี้เองที่หนังได้พาเราเริ่มไปสำรวจกับระบบข้าราชการตำรวจในชีวิตจริงนอกรั้วสถาบัน อย่างการที่ตัวคู่หูของเราเลือกที่จะแจ้งตำรวจ แต่ระบบก็ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะให้ความช่วยเหลือเหยื่ออย่างพวกเขาร้องขอได้เลย และนั่นทำให้เขาต้องนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาในรั้วโรงเรียนตำรวจตลอดสองปีมาประยุกต์ใช้ในการสืบหาเพื่อช่วยเหยื่อในครั้งนี้


การนำความรู้ด้านการสืบสวนสามขั้นตอนมาเล่าก็พูดได้อย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมาดี สมกับการใช้นักเรียนในการเดินเรื่อง ในระหว่างการได้เห็นทั้งคู่หยิบความรู้ในรั้วการศึกษามาประยุกต์ใช้ เรื่องก็ยังไม่หยุดกับการแสดงให้เห็นถึงปัญหาของระบบที่ไร้ประสิทธิภาพ และอำนาจของระบบอาวุโสในวงการตำรวจผ่านไดอะล็อคต่าง ๆ ที่ตัวละครได้พาเราไปพานพบ ไม่ว่าจะเป็นตัวรุ่นพี่หัวหน้าทีมสืบสวนที่สถานีกังนัมที่พูดถึงระบบอาวุโสในแง่ของคำสั่งของคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า ที่ดูจะสำคัญกว่าสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้จากตำราเรียนหรือตำรวจตามสถานีย่อยที่ปฏิบัติตามระบบ โดยไม่ได้พิจารณาองค์ประกอบรอบข้างที่ทำให้เหยื่อต้องตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น


การวางตัวละครบู๊กับบุ๋นออกมาในรุปแบบของการเป็นคู่หูกันแบบนี้ทำให้เรื่องยิ่งดูเพลิน และการที่ทำให้ตัวละครเป็นเพียงนักเรียนที่ต้องเผชิญกับปัญหาของระบบจนต้องลงมือทำเอง แต่ในบางส่วนเขาก็ยังต้องพึ่งพาระบบอยู่บ้าง พึ่งพาความเป็นนักเรียนตำรวจสักหน่อยอยู่ดี ซึ่งจุดนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจดีว่าหนังไม่ได้วิพากษ์ให้เห็นความเลวร้ายของระบบไปซะหมด แต่ยังคงพูดถึงในแง่มุมบางอย่างที่ได้จากกการเป็นนักเรียนในรั้วสถาบันตำรวจอีกด้วย


การที่หยิบเรื่องราวของขบวนการค้ามนุษย์ในแง่ของการค้าขายไข่ของผู้หญิงที่เลวร้ายถึงขนาดที่ต้องให้ยาเพื่อให้ผู้หญิงไข่ตกคราวละ 10 ถึง 20 ฟอง เพื่อจะได้ขายไข่ได้ในปริมาณมากจนสามารถนำไปขายต่อยังสถานพยายบาลเพื่อให้คนที่มีกำลังทัรพย์แต่มีลูกยากได้มีโอกาสมีลูก มาเป็นประเด็นหลักที่พวกเขาต้องตามสืบกันก็น่าสนใจมากในแง่ของการพูดถึงสิทธิมนุษยชน ราวกับจะบอกว่าถ้ารู้เรื่องแล้วาจะปล่อยผ่านเรื่องราวพวกนี้ได้จริงหรือ และใช้จุดนี้เป็นการขับเคลื่อนตัวละครทั้งคู่ให้ตัดสินใจแหกกฎเพื่อช่วยเหลือเหยื่อในที่สุด


ซึ่งแม้ว่าตัวหนังจะเป็นคอมเมดี้ค่อนข้างหนัก แต่ก็ทำประเด็นตรงนี้ออกมาได้จริงจัง และชวนหดหู่มาก  เมื่อคนจน คนไร้บ้านที่อยู่นอกสายตาของสังคม ทำงานผิดกฎหมายหาเลี้ยงชีพ มีหน้าที่เป็นเพียงเครื่องผลิตไข่เสิร์ฟความต้องการมีลูกให้กับคนมีเงินเพียงเท่านั้น โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าด้วยเรื่องสถานะของเหยื่อที่หนีออกจากบ้าน และทำงานผิดกฎหมายเรื่องเพศ ถูกผลักให้เป็นเรื่องราวใต้ดิน เช่นเดียวกับในเรื่องที่สถานบริการตั้งหลบมุมอยู่ใต้ร้านสะดวกซื้อ ถ้าไม่มองให้ดีก็คงไม่รู้ถึงการมีอยู่ของคนกลุ่ม จนกลายเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ เพราะคิดว่าไม่มีคนใส่ใจก็ยิ่งน่าหดหู่เข้าไปใหญ่ ในเมื่อไม่ใช่ทุกคนที่จะได้บังเอิญเจอกับนักเรียนตำรวจที่ดีสองคนแบบในเรื่องนี้


การที่หน้าหนังเป็นแอคชั่นคอมเมดี้ทำให้หนังเข้าใจง่าย ประกอบกับการเล่าอย่างตรงไปตรงมา ผ่านมุมมองของนักเรียนสองคนที่ได้เรียนรู้จากในตำรา แล้วออกมาเผชิญกับระบบในชีวิตจริง ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นมุมมองวิพากษ์ที่เรียบง่ายและซื่อตรงเอามาก ๆ การมองดูระบบอย่างคนที่คาดหวัง คิดว่ามันต้องทำได้สิ ก็เรียนมาแบบนี้ และไม่ละทิ้งความคาดหวังต่อระบบจนวินาทีสุดท้าย แต่ก็ได้พบกับความเจ็บปวดจากระบบที่ไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวัง


นอกจากนั้นแล้วการเล่าที่ใช้การพบปะกับตำรวจที่อยู่ในสถานะต่าง ๆ เพื่ออธิบายถึงมุมมองต่าง ๆ ของหนัง ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนตำรวจ ตำรวจสถานีย่อย นักสืบในสถานีใหญ่ เหล่าครูที่คอยสอน หรือแม้กระทั่งคนใหญ่คนโต เรียกได้ว่า อาจจะเป็นการพาเราทัศนศึกษาถึงวงการตำรวจโดยคร่าวไว้ภายในเวลาเกือบสองชั่วโมง ก็เป็นการเล่าที่น่าสนใจมาก รู้สึกว่าหนังพยายามจะพูดถึงในแง่ระบบกับการเปลี่ยนคนด้วยในอีกส่วนหนึ่งในตอนสุดท้ายของเรื่อง ผ่านไดอะล็อกของการนั่งคุยกันระหว่างพวกผู้มีอำนาจในการตัดสินความผิดให้กับนักเรียนสองคนนี้


แม้ว่าสถาบันจะพยายามสั่งสอน สร้างตำรวจที่มีจิตสำนึกในการช่วยเหลือ สร้างความปลอดภัยให้ประชาชนแค่ไหน แต่ระบบก็ยังคงเป็นปัญหาในการเข้าถึงความปลอดภัยของประชาชน แม้ว่าตัวหนังจะวิพากษ์ระบบที่เต็มไปด้วยปัญหา แต่ก็ยังใจดีพอจะที่จะทิ้งแนวคิดและคนรุ่นถัดไปที่ถูกหล่อหลอมให้มีจิตสำนึกและเห็นปัญหาของระบบไว้เป็นแสงสว่างให้กับความปลอดภัยของประชาชนบ้าง


และสุดท้ายแล้ว MIDNIGHT RUNNERS ก็คงจะเป็นหนังดูง่าย ดูสนุก ที่พูดถึงระบบได้น่าสนใจ วิพากษ์อย่างแสบ ๆ คัน ๆ แต่ก็ยังทิ้งแสงไว้เลือนลาง นอกจากนั้นแล้วยังสาดแสงลงไปยังมุมมืด ๆ ของสังคมที่ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยได้ เราก็ดูด้วยความหวังอันเลือนลางที่ว่าทุกคนในสังคมจะสามารถเข้าถึงการบริการของตำรวจ และดำรงชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยได้ ไม่ว่าจะอยู่ในชนชั้นวรรณะไหนก็ตาม

0/แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า